“เรื่องโชคดี… ที่เกิดมาเป็นคนไทย? “ รีวิวสวัสดิการเด็กเล็กในไทยและต่างประเทศ จาก PUCHUP x THE READ
#เพราะเกิดจึงเจ็บปวด #เกิดแล้วไปไหน #สวัสดิการเด็กเล็ก
ถ้าอ่านแค่ชื่อเรื่อง หลาย ๆ คนก็คงอาจจะยังนึกไม่ออกว่านิทรรศการที่เราจะมาพูดถึงกันเกี่ยวกับอะไรกันแน่ ประโยคติดหูที่ทุกคนเคยได้ยินกันจะเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการคุณภาพชีวิตของประชากรวัยแรกเริ่ม
โดยตั้งแต่หน้าแรกของนิทรรศการก็จะชวนให้เราได้ลองคิดดูว่า
“ถ้าหากว่าคุณเกิดมาในประเทศไทยอีกครั้ง เราจะพบกันโชคดีอะไรบ้าง”
ใครยังไม่เคยเล่นก็สามารถไปลองได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้ก่อนได้เลย คุ้มค่ากับเวลาแน่นอนครับ ส่วนบทความนี้ก็จะเป็นบันทึกส่วนต่าง ๆ ที่ผมได้จากนิทรรศการนี้นี่แหละ
หลังจากทำการคลิ๊กเพื่อเขย่าเซียมซีการเกิดของตัวเองนี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่ผมได้ครับ
ดวงชะตาและแต้มบุญที่ผมสะสมมาก็จะอยู่รูปของ 4 ตัวแปรพื้นฐานในการกำหนดคุณภาพชีวิตได้แก่ ฐานะ, สุขภาพ, โภชนาการ, และ การเรียนรู้ พร้อมบอกความน่าจะเป็นของการมีโอกาสดีและโอกาสซวยซึ่งแปรผันตามกลุ่มฐานะที่ได้อีกด้วย
เลื่อนต่อมาอีกก็จะพบกับคำอธิบายอย่างละเอียดของ 4 ปัจจัยที่ได้พูดถึงด้านบน
ถึงตรงนี้หลาย ๆ คนอาจจะได้ลองกดซ้ำดูเพื่อที่ว่าอยากจะเห็นผลลัพธ์รูปแบบอื่นบ้าง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ที่ว่าเราสามารถกดทายดวงชะตาใหม่ผ่านเว็บไซต์กี่ครั้งก็ได้ แต่เราไม่สามารถทำแบบเดียวกันได้ในชีวิตจริงนี่สิ ผลดวงชะตาที่ออกมาจะอยู่กับบุคคลนั้น ๆ ต่อไปอีกตลอดช่วงชีวิต ซึ่งถ้าเราบอกว่าช่วงแรกเกิดเป็นช่วงวัยที่สำคัญที่สุดเพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ติดตัวบุคคลไปตลอดชีวิต ก็คงไม่มีใครปฏิเสธ
ถ้าคุณได้เกิดมาในครอบครัวฐานะดีก็จะมีโอกาสมากหน่อย ในทางกลับกันคนที่เกิดมาในครอบครัวที่ฐานะไม่ดีก็ซวยไป
ก็ปกติดีหนิ?
ไม่ต้องรอให้ทายเซียบซีครบทุกแบบเราก็สามารถเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างฐานะและคุณภาพชีวิตในรูปแบบต่าง ๆ ได้ ความสัมพันธ์นี้เรียกได้ว่าเป็นการแสดงสิ่งที่จะได้และความจำเป็นในการมีฐานะที่ดีอีกด้วย ถึงตรงนี้หลาย ๆ คนก็คงไม่ได้ประหลาดใจอะไรกับผลลัพธ์ที่ออกมานัก ทุกอย่างก็ดูโจ่งแจ้งและสมเหตุสมผล
ซึ่งก็จะเข้าสู่จุดที่ส่วนตัวแล้วให้เป็น Climax เพราะว่านิทรรศการนี้ไม่หยุดแค่ที่แสดงความเหลื่อมล้ำ แต่ยังแสดงสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อไม่ให้คุณภาพพื้นฐานที่พึงมีเหล่านี้ต้องมาขึ้นอยู่กับโชคอีกต่อไป โดยการเปรียบเทียบนั่นเองครับ
เพราะคุณภาพชีวิตไม่ควรขึ้นอยู่ที่ดวงชะตา
โดยประเทศถูกหยิบยกมาเทียบเพราะขึ้นชื่อเรื่องสวัสดีการที่ดีอยู่แล้วก็คือ ประเทศฟินแลนด์นั่นเอง
ความโดดเด่นที่พูดถึงนี้มีหลายประเด็น ตั้งแต่ความใส่ใจในช่วงก่อนเกิด, ขณะเกิด, แรกเกิด, และการเติบโต ตารางข้าง ๆ สรุปข้อมูลออกมาให้ดูง่ายมาก ๆ และความเข้าถึงง่าย
ถ้าหากเข้าไปในเว็บไซต์เรายังสามารถลองเปรียบเทียบสวัสดิการของข้าราชกาลและพนักงานรัฐในประเทศไทยได้อีกด้วยลองไปปรับเล่นดูได้เลย แต่ในประเทศฟินแลนด์เห็นได้ว่าไม่มีตัวเลือกข้าราชกาลเพราะว่าทุกคนได้รับสวัสดิการที่เท่ากัน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีขั้นตอนยุ่งยากในการเบิกรับสิทธิต่าง ๆ อีกด้วย
พอมามองจริง ๆ แล้วสวัสดิการอื่น ๆ ในช่วงอายุที่แตกต่างไปในประเทศไทยก็ยังไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ฐานะเพื่อรับสิทธิหนิ? แต่ทำไมเรากลับต้องมายืนยันกับช่วงวัยเด็กที่เรียกได้ว่าเป็นอนาคตของชาติกันหละ
เขาว่า..เด็กคืออนาคตของชาติแต่วันนี้ไทยมี ‘เด็กเล็ก’ กว่า 4.2 ล้านคน ถูกละเลย ‘สิทธิ’ ที่จะเติบโต อย่างเท่าเทียม
บทความนี้เป็นเพียงสรุปสั้น ๆ เท่านั้นยังมีข้อมูลที่น่าสนใจในเว็บไซต์อีกมากมาย ที่ตัวเราเองเนี่ยยอมรับว่าไม่เคยรู้มาก่อนเลยถ้าหากไม่ได้เห็นนิทรรศการนี้
สวัสดิการเด็กเล็กกำลังเป็นประเด็นที่ทุกประเทศให้ความสนใจและพัฒนาเพราะผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถช่วยพัฒนาชาติในระยะยาวได้
ข้อมูลทั้งหมดที่ถูกนำเสนอกำลังชี้ถึงโอกาสอันน่าสนใจในการพัฒนาของประเทศ ที่ทุกคนควรใส่ใจ
ก่อนจากไป ก็ขออนุญาตแนบวิดีโอดี ๆ จากเพจ พูด ที่เป็นสิ่งที่ทำให้ผมได้เห็นนิทรรศการนี้ “ประเทศที่คนมีลูกไม่ได้, Pud”
แล้วก็ไปร่วมลงชื่อรณรงค์ใน “เรียกร้องรัฐให้เงินอุดหนุนถ้วนหน้าแก่เด็กเล็กทุกคน 0–6ปี เดือนละ 600บาท” ผ่าน Change.org ได้ง่ายเพียงแค่ลงชื่อในกี่นาทีเท่านั้นเอง
และแน่นอนนี่ไม่ใช่นิทรรศการเดียวของ The Read สามารถติดตามเพื่อที่จะไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจที่ The Read จะเอานำมาทำนิทรรศการดี ๆ อีก
ขอบคุณครับ ^^